จากสิ่งรอบตัวเรามีการใช้ข้อมูลทั้งตัวรูปภาพ ตัวอักษร และสัญลักษณ์ในการจำนวนนับเพื่อใช้ในการสื่อสารและเข้าใจถึงข้อมูลนั้นๆได้โดยง่ายด้วยแหล่งข้อมูลที่มีจำนวนมากนี้เราจึงต้องหาอุปกรณ์ขึ้นมาใช้รวบรวมข้อมูลนั้นได้โดยง่าย เพื่อสื่อสารได้ง่ายขึ้น ผมจึงเล็งเห็นวิวัฒนาการของอุปกรณ์ในการนับจำนวนเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านข้อมูลได้โดยง่ายซึ่งการคิดริเริ่มของลูกคิดนั้นเกิดมาจาก มนุษย์เผ่าที่เร่ร่อนในยุคแรกนับและบันทึกจำนวนสัตว์ในฝูงได้แม้ไม่มีระบบจำนวนเป็นลายลักษณ์อักษรในการนับ โดยเขาใช้วิธีเก็บก้อนกรวดหรือเมล็ดพืชไว้ในถุง หรือถ้าจำนวนมีค่ามากก็จะใช้นิ้วต่างๆ
เป็นสัญลักษณ์แทนจำนวน 10 และ 20 พวกเขาได้พัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับจำนวนว่าเป็น
สัญลักษณ์ซึ่งแตกต่างจากสิ่งของที่นับ เมื่อการเก็บข้อมูลและการนับมีความซับซ้อนมากมายหลายแบบ มันคือคความคิดเริ่มต้นที่ทำให้คนคิดค้น และในภายหลังได้มีคนคิดค้นระบบและอุปกรณ์ในกาจำนวนนับต่างๆเกิดขึ้น โดยมนุษย์ได้ประดิษฐ์เครื่องช่วยในการทำงานนั่นก็คือ ลูกคิด ของชาวจีนร้อยประกอบด้วยลูกปัดอยู่ในราวเป็นแถวตามแนวตั้ง โดยแต่ละแถวแบ่งเป็นครึ่งบนและล่าง ประกอบด้วยโครงไม้แบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนบนและส่วนล่าง แกนไม้ในแนวตั้งใช้แทนหลักของจำนนวและลูกปัดแทนจำนวน แต่ก็ยังมีข้อเสียในเรื่องของการคูณกับการหารอยู่ซึ่งมีการประมวณผลยังช้าอยู่
ซึ่งต่อก็มีคนคิดค้นตารางการคูณ โดยการจารึกตารางการคูณบนชุดของแท่งหลายๆ แท่งและ ต่อๆมาก็มีคนคิดค้นเครื่องนับจำนวนในอีกหลายรูปแบบทั้งในเรื่องของรูปทรง ขนานและการคำนวณแต่มันก็ยังมีขนาดใหญ่มาก ในยุคต่อมามีพนักงานเก็บภาษี ได้ทดลองใช้เครื่องบวกเลขแบบเครื่องกลเพื่อช่วยงานบิดา โดยการประสานตัวเฟืองซึ่งสามารถคำนวณเลขจำนวนมากได้ แม้ว่าเครื่องแพสคาลไลน์นี้จะเป็นเครื่องบวกเลขเครื่องแรก แต่แท้จริงแล้วเครื่องคิดเลขเครื่องแรกนั้นสร้างขี้นในปี ค.ศ.1623 โดยศาสตราจารย์ชาวเยอรมันชื่อ วิลเฮล์ม ชิลคาร์ด แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีการพัฒนาเครื่องคิดเลขทั้งในรูปทรงและขนาดให้มีความเล็กกระทัดรัดมากขึ้นและในส่วนของเรื่องการประมวณผลก็เช่นกัน สามารถประมวณผลได้รวดเร็วมากขึ้น จนมาถึงปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแต่ก่อนมากจึงทำให้เกิดเครื่องคิดเลขที่สมบูรณ์ขึ้นแต่ยังไงก็ตามข้อดีข้อเสียก็มีตามมาเช่นกันเพราะ
เรื่องนี้ได้มีผู้พิสูจน์แล้วว่า ในกรณีที่เป็นการบวกและการลบเลขจำนวนมากๆ นอกจากนี้ ลูกคิดจะดีดได้เร็วกว่าเครื่องคิดเลขเพราะ อย่างน้อยเครื่องคิดเลขต้องเสียเวลากับการกดเครื่องหมาย บวก ลบตลอดเวลา ทำให้ความเร็วช้ากว่าลูกคิดอีกทั้งโอกาสที่จะกดพลาดก็มีมากกว่า และว่าโดย
ความเป็นจริงแล้ว ชีวิตประจำวันของคนเรา วนเวียนอยู่กับการบวกเลขและลบเลขมากถึงร้อยละ 80 คิดได้อย่างนี้แล้วลูกคิดจึงควรจะมีที่ทางของมันที่จะอยู่ต่อไปจีนในฐานะเป็นเจ้าของประดิษฐกรรมเก่าแก่ ก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง มีข่าวว่า จีนได้คิดค้นเครื่องคิดเลขแบบใหม่ เรียกว่า "กระดานลูกคิดดิจิตอล" คือท่อนบนใช้ระบบไมโครชิพส่วนท่อนล่างเป็นรางลูกคิดก็คือเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมาผสมกันถ้าจะคูณหารเลขก็ใช้เครื่องคิดเลขดิจิตอลถ้าจะบวกลบเลขก็ใช้ลูกคิดแทนนับว่าเป็นการผสมผสาน
อารยธรรมโบราณของจีนเข้ากับวิทยาการสมัยใหม่ได้อย่างเหมาะเจาะและผมคิดว่าวิวัฒนาการแต่ของลูกคิดจนมาเป็นเครื่องคิดเลขในปัจจุบัน แต่ท้ายสุดเครื่องนับจำนวนในแต่ละรูปแบบมันก็ยังมีข้อจำกัดของเรื่องใช้งานนั้นอยู่
ความคิดเห็นของผมอุปกรณ์เครื่องนับจำนวนทั้งสองอย่างนี้มันมีความสัมพันธ์กันระหว่างพฤติกรรมมนุษย์กับเครื่องนับจำนวนและในส่วนของความสัมพันธ์นี้มันจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือ1.ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับอุปกรณ์2.การจดจำ วิวัฒนาการของเครื่องนับจำนวนนั้น แต่ก็ยังมีเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงในส่วนของลูกคิด
เกิดความไม่เข้าใจอย่างสากล ขาดหน่วยในการบันทึก ขาดหลักการคูณหาร ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าในการคำนวนและยังอาจนำมาสู่ความผิดพลาดได้ รวมไปถึงเรื่องเศษฐกิจในช่วงเวลานั้นซึ่งอาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงและการเพิ่มจำนวนทวีคูณของสิ่งของ
Tuesday, June 19, 2007
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment